ชีวประวัติ ของ เนซอมี กันจาวีย์

ไม่มีข้อมูลที่แน่นอนเกี่ยวกับชีวิตเนซอมีและคำพูดของนักเขียนชีวประวัติหลายคนเกี่ยวกับปีเกิดและการเสียชีวิตของเขาก็มีความแตกต่างกันไม่ชัดเจน แต่สิ่งที่แน่ชัดคือเขาอาศัยอยู่ในเมืองกันจาและเสียชีวิตในเมืองเดียวกัน [9] เขากำพร้าและได้รับการเลี้ยงดูโดยลุงตั้งแต่แรกเริ่มและศึกษาภายใต้การดูแลของลุงเขา แม่ของเขาเป็นขุนนาง ชาวเคิร์ด และนี่เป็นวรรคที่อยู่ในคำนำของวรรณกรรมเรื่อง ลิลี่และมัจนูน กล่าวว่า ("ถ้าแม่ของฉันเป็นผู้นำชาวเคิร์ด") [10] [11] ตัวเขาเองก็กล่าวถึงชื่อและเชื้อสายของเขาในบทกวีของเขา ซึ่งเป็นบทที่บอกชื่อของเขาว่า คืออิลยาสและบิดาของเขาคือยูซุฟ อิบนิ ซะกี บิน มูอัยยิด:ตามแนวทางของเนะซอมี จะเห็นว่าชื่อมีตัวเลขหนึ่งพันหนึ่ง

อิลยาสที่อะลิฟมาก่อนลาม

มีตัวเลขเท่ากับ เก้าสิบเก้า

ซึ่งตามนี้จะเท่ากับหนึ่งพันหนึ่ง

และลบกับหนึ่งร้อย

รวมแล้วตามรูปแบบอักษรอับญัด

จะได้เป็น ยูซุฟ บุตร ซะกีย์ มุอัยยัด

มีความขัดแย้งเกี่ยวกับบ้านเกิดของบิดาของเขา บางบางแหล่งเชื่อว่าเขามาจากชาวทาเฟรช หรือ ฟาราฮัน และบางคนคิดว่าเขามาจากชาวนา (ชาวอิหร่าน) แห่งอารัน ในความสัมพันธ์กับพ่อของเขา Behrouz Tharwatian ได้เห็นข้อนี้ในไลลาและมัจนูน ("ชาวนาที่มีคารมคมคายของ Parsizad - จำชาวอาหรับได้ช้ามาก") และเขียนว่า: - จุดเริ่มต้นของข้อ ของ Lily และ Majnoon ล้วนตกแต่งด้วยคำอธิบายที่ประชดประชัน และกวีกล่าวถึงการเสียดสีว่าส่วนนี้เป็นของเขาเองหรือถูกกล่าวถึงในเนื้อเรื่องหลักเป็นภาษาอาหรับ โคลงแรกของข้อ 36 มีความสำคัญอย่างยิ่งในแง่ของประวัติศาสตร์การวิจัยเกี่ยวกับชีวิตและงานทางการทหาร และกวีได้ระบุงานและสถานะทางสังคมของเขาไว้อย่างชัดเจนว่าเป็น "ชาวนา" รวมทั้งเชื้อชาติของเขาซึ่งเรียกตัวเองว่า " Parsizadeh" และไม่ต้องสงสัยเลยเกี่ยวกับความถูกต้องของบทกวีและโดยการวิจัยชาวนาในศตวรรษที่หกในอาเซอร์ไบจานและพิจารณา "เปอร์เซีย" ว่าความคิดเห็นของเขาเป็นภาษา "อิหร่าน" หรือ "เปอร์เซีย" หรือทั้งสองอย่างซึ่งเป็นมุมหนึ่งของ ชีวิตของกวีและสถานะทางสังคมถูกเปิดเผย [12] " [13]

พ่อของ เนะซอมี (ยูซุฟ) ตามคำแถลงที่ชัดเจนของเขาใน "ไลลาและมัจนูน" เป็นชาวเปอร์เซียในขณะที่เขาพูดว่า: ชาวนาที่เกิดในเปอร์เซียมีคารมคมคาย / จำสถานการณ์อาหรับเช่นนี้ได้ ชาวนาหมายถึงชาวอิหร่านผู้สูงศักดิ์และเจ้าของที่ดินเพื่อเกษตรกรรมตามที่ Ferdowsi กล่าวว่า: "ใครก็ตามที่ให้พวกเขาสิบคนให้เมล็ดพืชและเผ่าพันธุ์ของผู้เฒ่าแก่พวกเขา" การตีความหลักสิบนี้ถูกนำไปใช้กับชาวอิหร่านทุกคนอย่างละเอียดในเวลาต่อมา ในเวลาเดียวกัน คำว่า ชาวนา ยังใช้เพื่อหมายถึง "ประวัติศาสตร์" เนื่องจากการตีความทางทหารที่อธิบายชาวนาว่า "คารมคมคาย" มีความหมายเดียวกันเมื่อไม่นานนี้ และอีกครั้งในความหมายเดียวกัน ฟิรดูซีย์ได้กล่าวว่า: "ฟังเรื่องนี้ จากชาวนาเดี๋ยวนี้" / อ่านจากคำโบราณ หรือ: กวีชาวนา, นักบวช / ทำให้ฉันนึกถึงเรื่องนี้ ดังนั้นระบบที่แนะนำตัวเองว่าเป็น "ชาวนาเปอร์เซียที่มีวาทศิลป์" จะต้องเป็นชาวอิหร่านอย่างแท้จริง นักประวัติศาสตร์และนักพูด และเจ้าของที่ดิน เพื่อเกษตรกรรม บทบาทของ dehgans ในการปกป้องวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์อิหร่านในยุคอิสลามตลอดจนในการรวบรวมส่วยและส่งมอบให้กับรัฐบาลกลางก็เป็นที่น่าสังเกตเช่นกัน กล่าวโดยสรุป ครอบครัวทหารในตู้เสื้อผ้าเป็นครอบครัวหลายสิบคนที่มีความตระหนักด้านวัฒนธรรมและการเชื่อฟังทางวัตถุ หนึ่งในหลักฐานของบันทึกครอบครัวเหล่านี้คือความคุ้นเคยทางประวัติศาสตร์ของเรากับพ่อทหาร Moayed Motarazi และลุงหรือพี่ชายหรือลูกพี่ลูกน้องของเขาชื่อ Ghavami Motarazi หนึ่ง ในนักประพันธ์และนักแต่งเพลงชาวเปอร์เซียของ อาเซอร์ไบจาน " [14]

วาฮีด ดัสต์เกรดีย์ เขียนว่า : "ไม่มีหลักฐานในบทกวีที่จะพิสูจน์ว่าบ้านเกิดของเนซอมีคือเมือง กันจา ในอิรัก และไม่มีหลักฐานที่เขาเดินทางไป กันจา กับพ่อของเขาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก แต่นักเขียนชีวประวัติเกือบทั้งหมดเขียนว่าเขาเกิดใน กันจา และเชื่อกันว่าเขามีเชื่อสายเป็นคนอิรัก เนื่องจากเพราะเขายกย่องอิรักในบทกวีและแสดงความปรารถนาที่จะไปเยือนอิรักเสมอมา เช่นผลงานวรรณกรรม :

มัคซะนุลอัสรอร (ขุมคลังแห่งความลับ) หน้า 179: เขียนว่า

กันจาผูกพันกับฉัน

ขุมทรัพย์แห่งอิรักเป็นของฉัน

ร้องตะโกนให้ก้องโลกว่า

กันจาสูงส่งแต่เนะซอมีต้อยต่ำ

(โคสโรและชีรีน หน้า 361)

ชาวอิรักร้องตะโกนก้อง

ข้าก็ตะโกนสำเนียงเดียวกับชาวอิรัก

ชะรัฟนอเมะฮ์ (หน้า 53)

ขอให้ภูมิใจในเกียรติภูมิเถิด

ความประเสริฐทั้งหลายแขวนอยู่กับชาวอิรัก

ในบทกวีโคสโรและชีรีนทำให้ได้รู้ว่า ภรรยาคนแรกของเขา คือทาสหญิงที่คล้องส้อยคอ ที่ถูกส่งมาเป็นของขวัญสำหรับเขาในตอนที่เขาประพันธ์บทกวีเรื่องโคสโรและชีรีนเสร็จแล้วและบุตรชายของเขาที่ชื่อมุฮัมมัดมีอายุเพียง 7 ปีเสียชีวิตลง ถึงแม้ว่านักค้นคว้าบางคน เช่น วาฮิด ดัสต์เกรดีย์ เชื่อว่าเป็นทาสหญิงที่ชื่อว่า ออฟอก แต่ สะอีด นะฟีซีย์ กล่าวว่า : ท่านสะอีด ดัสต์เกรดีย์ เคยกล่าวไว้ในวรรคนี้ว่า

เธองดงามดั่งเจว็ดของฉัน

เชื่อว่าเธอคือ ออฟอก (ฟ้า) ของฉัน

มีการคาดเดาที่น่าแปลกและเรียกชื่อทาสหญิงและภรรยาของเนะซอมีคนนี้ว่า "ออฟาก" โดยที่ไม่ทราบว่าวรรคที่กล่าวว่า "เชื่อว่าเธอเป็นออฟอกของฉัน" นั้นไม่ใช่ว่าชื่อของนางคือ "ออฟอก" แต่เป็นเพราะว่าเขาผูกพันกับกับนางมาก และเชื่อว่านางคือทุกสิ่งที่พระเจ้าทรงมอบให้เขา และเชื่อว่านางเป็นผู้สืบทอดจากฟ้าที่ถูกลงมาอยู่เบื้องหน้าของเขา เพราะแม้ว่าในสมัยปัจจุบันผู้หญิงมักถูกเรียกว่า 'ออฟอก' ก็จริง แต่ในสมัยเนะซอมี คำนี้ไม่ได้ใช้เรียกชื่อผู้หญิง และไม่พบหลักฐานและไม่น่าเป็นไปได้อย่างมากว่าภรรยาคนนี้จะชื่อ "ออฟาก”

จากกวีนิพนธ์เหล่านี้เห็นได้ชัดเจนว่านอกจากทาสหญิงและภรรยาที่เสียชีวิตในตอนที่เขาประพันธ์บทกวีเรื่อง โคสโรและชีรีน เขายังสูญเสียภรรยาอีกคนหนึ่งในสมัยที่เขาประพันธ์เรื่องไลลาและมัจนูน และยังเสียภรรยาคนที่สามซึ่งเป็นสาวใช้ด้วย ตามที่เขาพูดว่า "นางเป็นหญิงบริสุทธ์ไม่เคยผ่านมือชายนอกจากเขา" ในตอนที่เขาแต่งเรื่อง อิกบัลนาเมห์ ดูเหมือนว่าเขาจะไม่มีบุตรกับภรรยาอีกสองคน ในบางตอนของบทกวีเนะซอมี ยังมีการอ้างอิงถึงภรรยาอีกสองคนของเขา ซึ่งทั้งคู่เสียชีวิตในช่วงที่เขายังมีชีวิตอยู่ด้วย [15]

การเสียชีวิตและหลุมฝังศพ

เนซอมีใช้เวลาทั้งชีวิตในการบำเพ็ญเพียรและอยู่กับความสันโดษในเมืองกันจา และในปี 581 ตามคำเชิญของ Sultan Ghezel Arsalan (เสียชีวิตปี 587) เขาได้เดินทางไปเมืองใกล้เมืองกันจา เป็นเมืองที่ห่างจากกันจา 30 ไมล์ซึ่งเขาได้เห็นความยิ่งใหญ่และบุญบารมีจากกษัตริย์มากมาย แม้ว่าเนซอมีจะไม่ใช่นักกวีที่ชอบยกย่องคนอื่นโดยเฉพาะคนรวย แต่เขาก็มีความสัมพันธ์กับผู้ปกครองร่วมสมัยหลายคนเช่น : Fakhreddin Bahramshah กษัตริย์แห่ง Uruzgan หนึ่งในอาลักษณ์แห่ง Arsalan Seljuk Sultan of Rome ซึ่งบทประพันธ์ Makhzan al-Asrar (ขุมทรัพย์แห่งความเร้นลับ) เป็นวรรณกรรมที่แต่งอุทิศให้เขา หรือชื่อ Atabak Shamsuddin Mohammad Jahan Pahlavan วรรณกรรมเรื่อง โคสโรและชีรีนประพันธ์ขึ้นเพื่ออุทิศให้กับ หรือ Tughral Ibn Arsalan แห่ง Seljuk และ Ghezel Arsalan Ibn Ildegaz ผู้ซึ่งกล่าวถึงในบทกวีเดียวกัน Abu al-Muzaffar Akhstan Ibn Manouchehr Shervanshah ซึ่งวรรณกรรมเรื่องไลลา และมัจนูนแต่งเพื่อเขา

เนะซอมีเสียชีวิตในเมืองกันจา ระหว่างปี 602 ถึง 612 และเขามีสุสานในเมืองเดียวกัน ในช่วงศตวรรษที่ 90 หลังจากการตัดสินใจของรัฐบาลอาเซอร์ไบจัน บทกวีของเนะซอมีที่อยู่ในหลุมฝังศพของเขาที่เป็นภาษาเปอร์เซียทั้งหมดถูกลบและถูกทำลายทิ้ง

แหล่งที่มา

WikiPedia: เนซอมี กันจาวีย์ http://www.asriran.com/fa/news/177488/%D8%A2%DB%8C... http://www.bbc.com/persian/arts/2011/08/110818_l41... http://www.britannica.com/EBchecked/topic/10240/Ta... http://www.britannica.com/EBchecked/topic/20788/Am... http://www.britannica.com/EBchecked/topic/225148/G... http://www.britannica.com/EBchecked/topic/537283/S... http://rbedrosian.com/kg8.htm http://aftabnews.ir/vdcgqx9qnak9wu4.rpra.html http://www.noormags.ir/view/fa/articlepage/178929 http://www.ecoi.net/local_link/143047/243697_en.ht...